พวงหรีดวัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร

วัดสระเกศ ราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นวัดโบราณสมัยอยุธยา เดิมที่เราเรียกว่า วัดสะแก โดยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงโปรดเกล้า ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดสระเกศ” ซึ่งมีความหมายว่า ชำระพระเกศา นั่นเอง

ในรัชสมัยรัชกาลที่ 3 ได้ทรงโปรดเกล้าให้สร้างพระบรมบรรพต หรือภูเขาทอง ขึ้นไว้เป็นปูชณียสถานในพระนคร ให้เหมือนดั่งในกรุงเก่าหรือวัดภูเขาทอง แต่เนื่องจากที่ตั้งนั้นแห่งนี้อยู่ติดกับแม่น้ำ จึงทำให้เกิดการทรุดตัวลงอยู่เสมอ

เมื่อถึงสมัยรัชกาลที่ 4 จึงโปรดเกล้าให้สร้างใหม่อีกครั้ง และได้มีการเปลี่ยนแปลงให้เป็นภูเขา โดยมีพระเจดีย์อยู่ด้านบน และบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้บนยอด มีบันไดเวียนขึ้น-ลง 2 ทาง และโปรดเกล้าเปลี่ยนชื่อจาก ภูเขาทอง เป็นพระบรมบรรพต แต่ก็ยังสร้างไม่เสร็จดี

จนมาถึงในรัชกาลที่ 5 ทรงโปรดเกล้าให้การสร้างพระบรมบรรพต จนแล้วเสร็จและมีความงดงามมาถึงปัจจุบัน นับเป็นพุทธสถานที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์ของวัดที่คนทั่วโลกรู้จักกันมาก

สำหรับพระอุโบสถวันสระเกศ ซึ่งเป็นพระอุโบสถที่ถูกสร้างขึ้นใหม่แทนพระอุโบสถหลังเดิมในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยพระอุโบสถตั้งอยู่ภายในกำแพงแก้ว อยู่บนลานกระเบื้องสีเหลืองนวล ลวดลายโบราณ ในพระอุโบสถแห่งนี้ เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระประธาน เป้นพระพุทธรูปปางสมาธิ ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา และได้ถูกบูรณะใหม่ขึ้นพร้อมกับการสร้างพระอุโบสถแห่งนี้ ในสมัยรัชกาลที่ 1

พระวิหารหลวงพ่ออัฏฐารส หรือ พระวิหาร พระอัฏฐารส ศรีสุคตทศพลญาณบพิตร ภายในพระวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระอัฏฐารส ศรีสุคตทศพลญาณบพิตร โดยเป็นพระพุทธรูปยืน ศิลปะสมัยสุโขทัย ตอนต้น อายุรวมกว่า 700 ปี และยังเป็นพระพุทธรูปยืนที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพมหานครอีกด้วย  โดยมีความสูงถึง 10.75 เมตร โดยรัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าให้อัญเชิญมาจากวัดวิหารทอง วัดประจำพระราชวังจันทน์มาประดิษฐาน ณ วิหารแห่งนี้จนถึงปัจจุบัน

หลวงพ่อดุสิต ในโบสถ์พระอัฏฐารส เป็นพระประธานประจำวันดุสิตมาก่อน เมื่อรัชกาลที่ 5 ทรงสร้างพระราชวังดุสิต และสวนดุสิตจึงจำเป็นต้องขยายบริเวณพื้นที่วัดทั้งสองวัด จึงทรงพระราชปรารภ สร้างวัดชดใช้วัดทั้งสอง และจึงได้โปรดให้อัญเชิญพระประธานในวัดดุสิต ประดิษฐานอยุ่ในห้องด้านหลัง พระวิหารพระอัฏฐารสซึ่งว่างอยู่ ซึ่งประดิษฐานมาจนถึงทุกวันนี้